เหรียญพระวรญาณมุนี (แจ่ม สุธมฺโม) หลวงตาละมัย รุ่นที่1 พ.ศ.2537

พระเดชพระคุณพระวรญาณมุนี (แจ่ม สุธมฺโม) หลวงตาละมัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร/รักษาการเจ้าอาวาสวัดอรัญญิก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ศิษย์เอกผู้สืบทอดสรรพวิชชาอาคมขลังจากพระพิษณุบุราจารย์ (แพ พากุโล)เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ยอดพระเถราจารย์แห่งเมืองสองแควที่สืบสายวิชชามาจากสำนักวัดชนะสงคราม กรุงเทพฯ

อัตโนประวัติ พระวรญาณมุนี เกิดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2473 ตรงกับวันศุกร์ขึ้น 10 ค่ำ เดือน7 ปีมะเมีย ที่บ้านหัวแท บ้านเลขที่ 9 หมู่ที่8 ต.บ้านกร่าง อ.เมือง จ.พิษณุโลก บิดาชื่อนายบุญมี มารดาชื่อนางจันทร์ บุญประสิทธิ์ มีพี่น้องร่วมบิดา-มารดารวม 4 คน โดยมีท่านเป็นบุตรคนโต ด้วยความที่เป็นบุตรคนโตของครอบครัวท่านจึงเป็นกำลังสำคัญของครอบครัว ช่วยบิดา-มารดา เลี้ยงดูน้อง และช่วยครอบครัวประกอบสัมมาอาชีพกสิกรรม อบรมน้องๆให้มีความเกื้อกูล สัมมาคารวะซึ่งกันและกัน มีความสุขตามวิถีชีวิตครอบครัวกสิกรรม
เมื่ออายุถึงวัยศึกษาท่านได้ไปอยู่อาศัยกับตา ยายซึ่งอยู่ใกล้สถานที่เล่าเรียนในสมัยนั้น ก่อนที่ตา ยายจะนำท่านไปฝากเขียนเขียนอ่านภาษาไทยและภาษาขอมโบราณกับท่านสมภาร วัดแหลมโพธิ์ ต.บ้านกร่าง เมืองพิษณุโลก การเรียนการสอนนั้นสมัยนั้นท่านสมภารท่านใช้วิธีเขียนบนกระดานชนวน ให้นักเรียนจดจำ ท่องจำแล้วลบ ก่อนที่จะสอนให้เรียนเรื่องใหม่ต่อไปอยู่อย่างนั้นสอน กอไก่ กอกา ท่องนะโม พรพระ อิติปิโสฯลฯ การเรียนการสอนสมัยนั้นท่านสมภาร ท่านเข้มงวดมาก

ท่านหมั่นศึกษาเล่าเรียน อย่างตั้งอก ตั้งใจมีความก้าวหน้าในการเรียนเป็นที่ชอบใจของท่านสมภารและต่อมาพระสมุห์จวน ซึ่งเป็นหลวงลุงของท่านได้เดินทางมารับตัวไปอยู่ด้วยที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ(วัดใหญ่) เมืองพิษณุโลก และส่งเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนเทศบาล 1(วัดน้อย) จนจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาที่ 4 จากนั้นไม่นานพระสมุห์จวน ท่านลาสิกขา ท่านจึ่งไม่ได้รับการศึกษาต่อ ท่านจึงได้ติดตามลุงของท่านไปอยู่ที่ตลาดสบตุ๋ย ใกล้สถานีรถไฟลำปาง ค้าขายสินค้ากสิกรรม-เกษตรกรรมและในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงสงครามอินโดจีน ทหารญี่ปุ่นมาตั้งค่ายอยู่บริเวณสถานีรถไฟ และเมื่อเกิดการสู้รบกันจึงถูกทหารไทยและพันธมิตรโจมตีทางอากาศทิ้งระเบิดถล่มทำให้ย่านนั้นซึ่งเป็นตลาด ร้านค้าต่างๆพินาศราบเป็นหน้ากลอง สิ้นเนื้อประดาตัวกันหมดเมื่อการสู้รบสงบลงลุงจวน ต้องอพยพถิ่นฐานกลับมายังถิ่นเกิดที่บ้านกร่าง เมืองพิษณุโลก มาประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำไร่ ทำนา ทำสวนตามบรรพชนดั้งเดิม หลังจากกลับมาประกอบอาชีพที่ถิ่นกำเนิดได้สักระยะก็ได้อายุบวช ลุงจวนได้นำท่านไปฝากฝึกท่องขานนาคกับหลวงตาอิ่ม ธมฺมกาโม วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ(วัดใหญ่) เมือง พิษณุโลก

และจากนั้นท่านได้เข้าอุปสมบทเมื่ออายุ 21 ปีในวันที่ 5 เมษายน 2493 เวลา 16.30น.ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม 3 ค่ำ เดือน 5 ปีขาล ณ พัทธสีมาวัดจอมทอง ต.จอมทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก โดยมีท่านพระครูสุวรรณวิสุทธิคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระวินัยธรอิ่ม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการทวน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา "สุธมฺโม" เมื่อบวชแล้วท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม บาลีจนจบหลักสูตรนักธรรมเอก และที่นี่ทำให้ท่านได้รับการถ่ายทอดวิปัสนากัมมัฏฐาน เวทย์วิทยาคม มนตราอาคมขลังต่างๆจากยอดพระเถราจารย์ผู้ทรงคุณแห่งเมืองแสงแควในเวลานั้นคือท่านพระเดชพระคุณ"พระพิษณุบุราจารย์"(แพ พากุโล) เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ท่านเป็นปฐมบรมครูที่เมตตาสั่งสอน ถ่ายทอดสรรพวิชชาอาคมให้อย่างไม่ปิดบัง ทั้งการปลุกเสกเครื่องรางของขลัง สูตรการลงอักขระเลขยันต์ ตลอดถึงการทำน้ำพระพุทธมนต์ตามหลักโบราณกาลที่สืบทอดกันมาอย่างเข้มขลัง
ท่านว่าหลวงพ่อแพ พากุโล ท่านเป็นพระที่ทรงคุณวิเศษยิ่งนักแต่น้อยคนที่จะรู้เพราะท่านดำรงตนอยู่อย่างเรียบง่าย สมถะทั้งๆที่ท่านเป็นถึงเจ้าอาวาส ใครมีเรื่องเดือดเนื้อ ร้อนใจมาปรึกษาท่าน มากราบขอพรขอบารมีท่านเมตตาสงเคราะห์ให้อย่างเท่าเทียมกัน หลวงตาท่านเล่าว่าหลวงพ่อแพ ท่านเป็นคนดุ และมีตบะ เดชะ บารมีมาก หลวงตาท่านว่าเคยเห็นเป็นที่ประจักษ์ด้วยตัวเองหลายต่อหลายครั้ง อาทิ หลวงพ่อแพ ท่านนั่งอยู่ท่ามกลางพระ เณรและญาติโยมเป็นร้อยคน แน่นอนว่าด้วยจำนวนที่มากขนาดนั้นเสียงจ๊อก แจ๊ก จอแจ ย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หลวงพ่อแพ ท่านตบมือที่เดียว เสียงตบมือท่านจะดังมากและสามารถสะกดทุกเสียงให้นิ่งเงียบลงได้อย่างน่าอัศจรรย์นับว่าตบะ เดชะ ท่านเข้มขลังมาก

พระวรญาณมุนี (แจ่ม สุธมฺโม) หลวงตาละมัย ท่านได้สร้างตำนานพิธีพุทธาภิเษกมหาจักรพรรดิ์ปี 2515 เกจิเถราจารย์ขลังทั่วฟ้าเมืองไทย มานั่งปรกปลุกเสกแผ่มหาบารมี
" พระวรญาณมุนี" หรือ "หลวงตา ละมัย" เจ้าอาวาสวัดอรัญญิก อ.เมือง จ.พิษณุโลก เป็นพระเถราจารย์ที่ขึ้นชื่อในด้านวิทยาคมและสมาธิจิตสูง เป็น 1 ในพระเกจิอาจารย์ที่เข้าร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลมากมายทั้งในอดีตจนถึง ปัจจุบัน อาทิ พิธีปลุกเสกพระกริ่งนเรศวร 2507 ต้นกำเนิดพระกริ่งนเรศวรอันโด่งดัง วัตถุมงคลชุดพระพุทธชินราชทุกรุ่น และเป็น 1 ใน 108 พระเกจิอาจารย์ ในพิธีจักรพรรดิมหาพุทธาภิเษก พ.ศ.2515 ที่ยังมีชีวิตอยู่
หลวงตาละมัย วัดอรัญญิก เป็นเอกอุในเรื่องน้ำพระพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ ที่ศึกษาเล่าเรียนมาจากพระพิษณุบุราจารย์ (แพ พากุโล) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวร มหาวิหารพิษณุโลก 1 ใน 108 พระเกจิอาจารย์ดังในพิธีพุทธาภิเษก พระพุทธชินราชอินโดจีน วัดสุทัศน์ พ.ศ.2485 ซึ่งเป็นศิษย์รุ่นพี่สำนักเดียวกับหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี